นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

พนักงาน

         บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ให้ความสำคัญกับข้อมูลส่วนบุคคล จึงกำหนดนโยบายเพื่อเก็บรักษาข้อมูลส่วนตัวของพนักงาน นักศึกษาฝึกงาน ผู้สมัครงาน และพนักงานที่พ้นสภาพการเป็นพนักงาน ดังนี้

          1.ขอบเขตของนโยบาย
             นโยบายนี้ครอบคลุมถึงพนักงาน นักศึกษาฝึกงาน ผู้สมัครงาน และพนักงานที่พ้นสภาพการเป็นพนักงาน และบุคคลใดๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพนักงาน นักศึกษาฝึกงาน ผู้สมัครงาน และพนักงานที่พ้นสภาพการเป็นพนักงาน รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับจากหน่วยงานภายนอก

          2.ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้เก็บรวบรวม
             ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้เก็บรวบรวม เช่น ชื่อ นามสกุล เพศ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ วัน-เดือน-ปีเกิด อีเมล์ เลขบัตรประจำตัวประชาชน หลักฐานการแสดงสิทธิการทำงานตามกฎหมาย (เช่น ใบอนุญาตทำงาน ใบประกอบวิชาชีพ) ประวัติการทำงานและทักษะความรู้ ประวัติการอบรม ผลการทดสอบความรู้ความสามารถ ผลการสัมภาษณ์ และข้อมูลที่จำเป็นเกี่ยวกับ Compliance อื่นๆ รวมถึงเอกสารประกอบการสมัคร เช่น ใบสมัคร Resume และบางกรณี อาจมีความจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลที่มีความอ่อนไหว (เช่น ข้อมูลใบหน้า สำหรับระบบการจดจำใบหน้า (Face Recognition)) ลายนิ้วมือ หมายเลขบัญชีเงินฝากธนาคาร เงินเดือน ประวัติสินเชื่อ สวัสดิการพนักงาน และ/หรือ สินเชื่อที่มีอยู่กับสถาบันการเงิน ข้อมูลการชำระหนี้ ข้อมูลทรัพย์สิน ข้อมูลการบันทึกภาพหรือเสียงระหว่างการปฏิบัติงาน เพื่อวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้
                   1. พิสูจน์ตัวตนของผู้สมัคร
                   2. เพื่อใช้ประเมินความเหมาะสมกับตำแหน่งงานที่บริษัทกำลังสรรหาบุคลากร

          3.ผู้มีหน้าที่จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล
             ข้อมูลส่วนบุคคลจะถูกจัดเก็บโดยฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ และฝ่ายทรัพยากรมนุษย์จะเป็นผู้ควบคุมจัดการข้อมูล (Data Controller) นอกจากนี้ ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์อาจมีการดำเนินการส่งข้อมูลให้หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องนำไปใช้ ให้ถือว่าหน่วยงานที่รับข้อมูลไปใช้นั้น มีหน้าที่เป็นผู้ควบคุมจัดการข้อมูล (Data Controller) ด้วยเช่นกัน

          4.การรวบรวมและจัดเก็บข้อมูล
              4.1 การรวบรวมข้อมูล
                   บริษัทมีการรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล โดยแบ่งเป็น 2 วิธี ได้แก่
                   4.1.1 การรวบรวมข้อมูลโดยตรงจากพนักงาน ผู้สมัครงาน และพนักงานที่พ้นสภาพการเป็นพนักงาน
                   4.1.2 การรวบรวมข้อมูลจากบุคคลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับพนักงาน ผู้สมัครงาน และพนักงานที่พ้นสภาพการเป็นพนักงาน เช่น ข้อมูลประวัติการทำงานเดิมจากบุคคลอ้างอิงที่ผู้สมัครระบุ
              4.2 การจัดเก็บข้อมูล
                   บริษัทมีการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล โดยแบ่งเป็น 3 วิธี ได้แก่
                   4.2.1 การจัดเก็บข้อมูลในลักษณะเอกสาร เช่น ใบสมัครงาน สัญญาจ้าง เอกสารผู้รับผลประโยชน์ ฯลฯ
                   4.2.2 การจัดเก็บข้อมูลในระบบบริหารข้อมูลบุคลากร
                   4.2.3 การจัดเก็บข้อมูลในโปรแกรมประยุกต์ เช่น Microsoft Office

          5.การใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
             ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมเกี่ยวกับพนักงาน ผู้สมัครงาน และพนักงานที่พ้นสภาพการเป็นพนักงาน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ บทบาท หน้าที่ กฎหมาย และสถานะว่าเป็น พนักงาน ผู้สมัครงาน หรือพนักงานที่พ้นสภาพการเป็นพนักงาน ตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
             เพื่อการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เพื่อประโยชน์ในการกำกับดูแลและส่งเสริมธุรกิจประกันภัยตามกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย และกฎหมายว่าด้วยการประกันวินาศภัย ตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ซึ่งสามารถตรวจดูได้ที่เว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (https://www.oic.or.th)


       ผู้สมัครงาน : สมัครงานเพื่อเข้าร่วมงานกับบริษัท
       หัวข้อเรื่อง        วัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการนำไปใช้หรือเปิดเผย
การสรรหาและรับสมัครงาน/นักศึกษาฝึกงาน     บริษัทจะมีการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัคร เช่น ชื่อ นามสกุล เพศ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ วัน-เดือน-ปีเกิด อีเมล์ เลขบัตรประจำตัวประชาชน หลักฐานแสดงสิทธิการทำงานตามกฎหมาย (เช่น ใบอนุญาตทำงาน ใบประกอบวิชาชีพ) บริษัทอาจจะรวบรวมเก็บประวัติการทำงานและทักษะความรู้ บันทึกคุณสมบัติ ทักษะความรู้ ประวัติการอบรม ผลการทดสอบความรู้ความสามารถ ผลการสัมภาษณ์ และข้อมูลที่จำเป็นเกี่ยวกับ Compliance อื่นๆ รวมถึงเอกสารประกอบการสมัคร เช่น ใบสมัคร Resume เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
     1. พิสูจน์ตัวตนของผู้สมัคร
     2. เพื่อใช้ประเมินความเหมาะสมกับตำแหน่งงานที่บริษัทกำลังสรรหาบุคลากร
การตรวจสอบประวัติก่อนการจ้างงาน     บริษัทจะนำข้อมูลที่ได้จากกระบวนการสรรหามาใช้เพื่อตรวจสอบประวัติที่มีความสำคัญต่อการปฏิบัติงาน เช่น ประวัติอาชญากรรม และประวัติการกระทำผิดตามที่กฎหมายอนุญาต ประวัติการทำงานในอดีตที่ผู้สมัครอ้างอิง ฯลฯ
การว่าจ้าง     บริษัทจะจัดทำและจัดเก็บข้อมูล รวมถึงเอกสารประกอบการจ้างงาน เช่น สัญญาจ้าง สัญญาการค้ำประกันการทำงาน ผลการตรวจสุขภาพก่อนการเริ่มงาน เพื่อเป็นภาระผูกพันตามกฎหมาย
การจัดเก็บประวัติผู้สมัครงาน     บริษัทจะทำการจัดเก็บข้อมูลและเอกสารประกอบการสมัครงานของผู้สมัครไว้เป็นระยะเวลา 1 ปี เพื่ออาจนำมาพิจารณารับในตำแหน่งงานอื่นที่มีความเหมาะสมในอนาคต

       พนักงาน : ทำงานกับบริษัท
       หัวข้อเรื่อง        วัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการนำไปใช้หรือเปิดเผย
การดำเนินการในฐานะนายจ้าง     บริษัทจะใช้ข้อมูลส่วนตัวของพนักงานเพื่อวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับสัญญาจ้างงานระหว่างพนักงานกับบริษัท และสิทธิตามกฎหมาย โดยไม่ละเมิดสิทธิพื้นฐาน หรือสิทธิทางเสรีภาพของพนักงานของบริษัท และเพื่อติดต่อสื่อสารกับพนักงานในการมอบหมาย สั่งการ หรือการให้ความช่วยเหลือด้านสวัสดิการกับพนักงาน และการประเมินผลงานเพื่อให้คุณและโทษกับพนักงาน รวมถึงการพัฒนาทักษะความรู้ของพนักงาน
การดำเนินการด้านบริหารค่าตอบแทนและสวัสดิการ     เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการดำเนินการด้านบริหารค่าตอบแทน สวัสดิการ และการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยอาจมีการส่งข้อมูลของพนักงานไปยังบุคคลหรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อให้พนักงานได้รับประโยชน์และสิทธิสวัสดิการตามกฎหมายและบริษัทกำหนด
การตรวจสอบและจัดการเกี่ยวกับข้อร้องเรียนต่างๆ     เพื่อใช้ข้อมูลในการบริหารและดำเนินการตรวจสอบ ผลงาน ความสามารถ การลา และการอุทธรณ์ การละเมิด การร้องเรียน การสอบสวน ตามข้อบังคับการทำงานและกระบวนการตามกฎหมาย
สุขภาพและความปลอดภัยในที่ทำงาน     เพื่อใช้ข้อมูลในการดำเนินการเกี่ยวกับสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงาน และติดต่อหน่วยงานหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับพนักงานเพื่อให้ติดต่อในกรณีฉุกเฉิน
การขออ้างอิง (Reference)     การตอบรับการติดต่อจากบุคคลหรือหน่วยงานอื่นๆ ในกรณีที่พนักงานให้ชื่อหน่วยงานผู้อ้างอิง (Referee)
การตรวจตรา Compliance     เพื่อใช้ข้อมูลในการตรวจสอบและจัดทำรายงานการดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบวิธีปฏิบัติ ข้อบังคับที่มีผลบังคับใช้ตามที่หน่วยงานกำกับดูแลเป็นผู้กำหนด และการให้ข้อมูลต่อหน่วยงานที่ใช้อำนาจของรัฐ
การบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าและคู่ค้า     เพื่อใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานในการให้บริการต่างๆ ต่อบริษัท และ/หรือ กับลูกค้าของบริษัท
การแสดงความยินดีในโอกาสพิเศษ     เพื่อใช้ข้อมูลในการติดต่อพนักงานในโอกาสพิเศษ เช่น วันคล้ายวันเกิดของพนักงาน การเกษียณอายุงาน หรือ การครบรอบอายุงานในช่วงต่างๆ
การบริหารด้านการเงิน     เพื่อใช้ข้อมูลในการประมาณการและจัดทำงบประมาณ การบริหารด้านการบัญชีและการวางแผนเพื่ออนาคตต่างๆ
การป้องกันหรือการสืบค้นด้านอาชญากรรม     เพื่อใช้ข้อมูลในการป้องกันและสืบค้นกิจกรรมที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงด้านการสารสนเทศและสิทธิการเข้าออกอาคาร การตรวจตราด้านความปลอดภัย การใช้ CCTV การสืบค้นด้านการฉ้อโกงและมาตรการป้องกันต่างๆ
รายงานและการวิเคราะห์ด้านธุรกิจ     เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล รวมถึงการใช้ภาพถ่าย รูปต่างๆ และความผูกพันของพนักงาน หรือแบบสำรวจเพื่อเทียบวัดข้อมูลของพนักงาน ใช้ในการดำเนินการด้านธุรกิจและเอกสารรายงานประจำปี
การดำเนินการทางกฎหมาย     เพื่อใช้ข้อมูลในการดำเนินการเกี่ยวกับคดี หรือดำเนินการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับพนักงานหรือบริษัท

       พนักงานที่พ้นสภาพ : หลังจากที่พนักงานได้ออกจากบริษัท
       หัวข้อเรื่อง        วัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการนำไปใช้หรือเปิดเผย
การดำเนินการตามกฎหมาย     เพื่อใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานที่พ้นสภาพในการดำเนินการตามภาระผูกพันทางกฎหมาย
การบริหารความต่อเนื่องของธุรกิจ     เพื่อให้เข้าใจและเก็บหลักฐานการตัดสินใจต่างๆ ในบทบาทหน้าที่ของพนักงาน และเพื่อรักษาความรู้ให้คงอยู่กับธุรกิจหลังจากที่พนักงาน พ้นสภาพ เพื่อใช้ข้อมูลในการบริหารจัดการด้านธุรกิจของบริษัท รวมถึงภาระผูกพันทางนิตินัยที่บริษัทมีอยู่
การเก็บรักษาข้อมูลพนักงานที่พ้นสภาพ     เพื่อใช้ข้อมูลในการวิเคราะห์และวางแผนเพื่อรักษาพนักงานให้คงอยู่กับองค์กร รวมถึงการดำเนินการตามภาระผูกพันทางกฎหมาย
ภาระผูกพันกับบุคคลที่สาม     เพื่อปฏิบัติตามภาระผูกพันที่บริษัทมีต่อบุคคลที่สามที่เกี่ยวข้องกับพนักงานที่พ้นสภาพ

          6.การตรวจตราและตรวจสอบการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ของพนักงาน
             เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการที่จะตรวจตราและตรวจสอบการสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้ส่งโดยใช้บัญชี เครือข่าย และอุปกรณ์เครื่องใช้ที่บริษัทได้ให้พนักงานใช้เพื่อการปฏิบัติงาน เพื่อให้มั่นใจว่า พนักงานมีการใช้ทรัพยากรด้านสารสนเทศเป็นไปตามกฎหมายและนโยบายของบริษัท
             บริษัทอาจจะมีความจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติตามความผูกพันทางกฎหมายที่ต้องเปิดเผยข้อมูล เพื่อปกป้องและสืบค้นด้านอาชญากรรม หรือในกรณีที่บริษัทมีภาระด้านนิติกรรมที่ต้องทำเพื่อส่งเสริมและปกป้องธุรกิจของบริษัท

          7.การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
             เพื่อให้การดำเนินงานของบริษัทเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานให้กับบุคคลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังนี้
                    7.1 การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลภายในบริษัท
                         เพื่อให้การบริหารจัดการงานและการสื่อสารภายในองค์กรเป็นไปอย่างทั่วถึง บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลแก่บุคคลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของพนักงานตามความ จำเป็นได้ เช่น การให้ผู้บังคับบัญชาสามารถตรวจสอบประวัติของพนักงานในสังกัดได้ เพื่อใช้ในการบริหารจัดการงานของหน่วยงาน หรือบุคคลที่มีหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ข้อมูล
                    7.2 การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลภายนอกบริษัท
                         เพื่อประโยชน์ในการดำเนินงานของบริษัทและพนักงาน รวมถึงการปฏิบัติตามกฎหมาย บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลแก่บุคคลหรือหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนที่เป็นคู่สัญญาให้สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของพนักงานตามความจำเป็นได้ เช่น สำนักงานประกันสังคม บริษัทประกันภัย บริษัทจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เป็นต้น

          8.การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลและระยะเวลาการเก็บรักษา
             8.1 การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล
                   บริษัทจะจัดทำระบบการรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน โดยมีการกำหนดสิทธิการเข้าถึงข้อมูลและให้มีการยืนยันตัวตนของผู้เข้าถึงข้อมูล เพื่อให้มั่นใจได้ว่า ข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานจะไม่ถูกเผยแพร่และนำไปใช้ในทางมิชอบหรือขัดต่อกฎหมาย
             8.2 ระยะเวลาในการเก็บรักษา
                   บริษัทกำหนดระยะเวลาการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานดังต่อไปนี้
                   8.2.1 ผู้สมัครงานที่ไม่ได้รับการคัดเลือกจากบริษัท กำหนดระยะเวลาจัดเก็บข้อมูลและเอกสารเป็นระยะเวลา 1 ปี
                   8.2.2 พนักงานที่ปฏิบัติงานกับบริษัท กำหนดระยะเวลาจัดเก็บข้อมูลและเอกสารตลอดอายุงาน
                   8.2.3 พนักงานที่พ้นสภาพจากการเป็นพนักงาน กำหนดระยะเวลาจัดเก็บข้อมูลและเอกสารเป็นระยะเวลา 2 ปี
                   8.2.4 พนักงานที่พ้นสภาพจากการเป็นพนักงานและมีภาระผูกพันทางกฎหมายกับบริษัท กำหนดระยะเวลาจัดเก็บข้อมูลและเอกสารโดยยึดตามกฎหมายที่มีผลบังคับใช้

          9.สิทธิของเจ้าของข้อมูล
             เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล มีสิทธิตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ดังนี้
             9.1 การเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคล
             พนักงานปัจจุบันสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองได้ผ่านระบบบริหารข้อมูลบุคลากร และขอสำเนาข้อมูลโดยแจ้งมายังฝ่ายทรัพยากรมนุษย์
             9.2 การแก้ไข และปรับปรุงข้อมูลส่วนบุคคล
             พนักงานสามารถแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองให้ถูกต้องและเป็นปัจจุบันได้ ผ่านระบบบริหารข้อมูลบุคลากร
             9.3 การลบและการจำกัดการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
             พนักงานมีสิทธิที่จะขอให้บริษัทลบข้อมูลส่วนบุคคลได้โดยแจ้งผ่านฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ ทั้งนี้บริษัทจะพิจารณาดำเนินการโดยยึดหลักสิทธิทางกฎหมายและตามเงื่อนไขข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างงานเป็นสำคัญในการดำเนินการเรื่องข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน
             9.4 การขอรับข้อมูลส่วนบุคคลรวมทั้งสิทธิในการขอให้บริษัท ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ หรือขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท ส่งหรือโอนไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่โดยสภาพทางเทคนิคไม่สามารถทำได้
             9.5 การคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อใดก็ได้ตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
             9.6 การขอให้บริษัท ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
             9.7 สิทธิในการร้องเรียน ในกรณีที่บริษัทหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งลูกจ้างหรือผู้รับจ้างของบริษัทฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือประกาศที่ออกตามพระราชบัญญัตินี้
             9.8 สิทธิในการขอถอนความยินยอม ตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
             หากบริษัท อาศัยความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในการเก็บรวบรวม ใช้ และหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ ทั้งนี้ การถอนความยินยอมย่อมไม่กระทบถึงกิจกรรมที่เกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ให้ความยินยอมไปแล้วก่อนการถอนความยินยอม

          10.ผลกระทบกรณีเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคล
             เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลจำเป็นต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อประโยชน์ในการดำเนินงานตามสัญญาระหว่างท่านกับบริษัท

          11.ช่องทางการติดต่อ
              รายละเอียดของบริษัท
             ชื่อ:                           บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด
             ที่อยู่:                        เลขที่ 26 ซอยสุขุมวิท 64/2 ถนนสุขุมวิท เขตพระโขนง
                                              แขวงพระโขนงใต้ กรุงเทพฯ 10260
             หมายเลขโทรศัพท์: 02-100-9191
             เวลาทำการ:             8.30-17.00 น.

              รายละเอียดเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (DPO)
             เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด
             ที่อยู่:                        เลขที่ 26 ซอยสุขุมวิท 64/2 ถนนสุขุมวิท เขตพระโขนง
                                              แขวงพระโขนงใต้ กรุงเทพฯ 10260
             หมายเลขโทรศัพท์: 02-100-9191
             เวลาทำการ:             8.30-17.00 น.